49 คำศัพท์ ที่ชาวกาแฟควรรู้

Last updated: 25 มิ.ย. 2566  |  21188 จำนวนผู้เข้าชม  | 

49 คำศัพท์ ที่ชาวกาแฟควรรู้

49 คำศัพท์ ที่ชาวกาแฟควรรู้
 
1.Green Bean: หมายถึง เมล็ดกาแฟที่ยังไม่ได้รับการคั่ว ซึ่งไม่สามารถใช้ชงกาแฟได้โดยตรง จะต้องผ่านกระบวนการคั่วกาแฟเพื่อให้เกิดรสชาติและกลิ่นของกาแฟขึ้นมา
.
2.Cherry : เมล็ดกาแฟที่ยังไม่ถูกเอาเปลือกภายนอกออกออกไป และมีลักษณะคล้ายกับผลไม้ลูกเชอร์รี่ที่เราคุ้นเคยกันโดยทั่วไป
.
3.Arabica : พันธุ์กาแฟอาราบิก้าเป็นพันธุ์ของเมล็ดกาแฟที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเปรี้ยว สำหรับพันธุ์นี้จำเป็นต้องปลูกในพื้นที่สูงและมีอากาศเย็น และมักมีราคาสูงกว่าพันธุ์ Robusta นับว่าเป็นพันธุ์กาแฟที่ถูกปลูกมาก่อนที่สุดในโลก
.
4.Robusta : กาแฟโรบัสต้าคือพันธุ์ของเมล็ดกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นและมีความขม สายพันธุ์นี้ทนทานและสามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่ต่ำและมีอากาศร้อน เป็นที่นิยมในการปลูกกาแฟในประเทศเวียดนาม บราซิล และอินโดนีเซีย โดยทั่วไปเมล็ดกาแฟโรบัสต้ามีราคาต่ำกว่าเมล็ดกาแฟอาราบิก้า แต่มีความเข้มข้นของคาเฟอีนสูงกว่าด้วย
.
5.Roast Level : ระดับการคั่วกาแฟหมายถึงระดับของการคั่วเมล็ดกาแฟในขณะที่ถูกคั่ว โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็นระดับคั่วอ่อน (light), คั่วกลาง (medium), และคั่วเข้ม (dark) นอกจากนี้ยังมีระดับอื่นๆ ระหว่างระดับเหล่านี้ด้วย การคั่วเมล็ดกาแฟระดับอ่อนจะถูกคั่วในเวลาสั้นและมีสีอ่อน ความเปรี้ยวสูงกว่า ระดับคั่วกลางจะมีรสชาติที่สมดุลและมีความเปรี้ยวน้อยลง และมีสีที่เข้มขึ้น ระดับคั่วเข้มจะถูกคั่วในเวลานานที่สุด สีเข้ม รสชาติเข้ม และบางครั้งอาจมีกลิ่น Smoke อีกด้วย
.
6.Crack : "crack" หมายถึงเสียงที่ได้ยินได้ในระหว่างการคั่วเมล็ดกาแฟ เมื่อมันผ่านกระบวนการเคมีที่เรียกว่าไพโรไลซิส กระบวนการนี้ทำให้เมล็ดกาแฟปล่อยความชื้นและน้ำมันออกมาซึ่งสร้างเสียงดังออกมา เรียกว่า "crack" โดยมี "crack" 2 ชนิดที่เกิดขึ้นในระหว่างการคั่ว คือ "crack" ชนิดแรกที่เป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนการคั่วจาก light เป็น medium และ "crack" ชนิดที่สองที่บอกว่าเมล็ดกาแฟได้ถึงระดับความคั่วเข้ม การได้ยินเสียงของ "crack" เป็นตัวบ่งชี้สำคัญสำหรับผู้คั่วกาแฟในการกำหนดระดับการคั่วที่เหมาะสมสำหรับเมล็ดกาแฟ
.
7.First Crack : เสียงแตกตัวแรก เป็นการระเบิดของไอน้ำที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการคั่วกาแฟได้เข้าสู่กาแฟคั่วอ่อน( Light Roast) แล้ว
.
8.Second Crack: เสียงแตกตัวครั้งที่สอง เป็นเสียงการแตกตัวของกาแฟที่เกิดจากGas ภายในกาแฟได้ดันออกมาจากผนังเซลล์เมล็ดกาแฟ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการคั่วกาแฟได้เข้าสู่กาแฟคั่วเข้ม(Dark Roast) แล้ว
.
9.Cinnamon Roast : เป็นช่วงการคั่วกาแฟอ่อนมากๆ ก่อนเข้า First Crack สีคล้ายอบเชย หรือ Cinnamon ซึ่งได้รสสัมผัสบาง รสชาติเปรี้ยวมาก และ มีกลิ่นเขียวติดมาด้วย
.
10.City Roast: กาแฟคั่วอ่อน เป็นกาแฟคั่วที่ใช้อุณหภูมิที่ต่ำ และ เวลาที่สั้น สีของกาแฟคั่วจะเริ่มเป็นสีน้ำตาลอ่อน รสชาติที่ได้จะมีความเปรี้ยว Bodyไม่หนัก สว่าง มีความเป็นผลไม้สูง ส่วนมากจะใน Specilty Grade และระดับการคั่วนี้จะได้รสชาติ และคุณภาพที่แท้จริงของกาแฟตัวนั้นๆ
.
11.Fullcity Roast: กาแฟคั่วกลาง เป็นกาแฟที่คั่วที่อุณหภูมิสูงและยาวนานกว่ากาแฟคั่วอ่อน สีของกาแฟจะเริ่มเป็นสีน้ำตาลเข้ม รสชาติจะกลมกล่อมและ Balance ระหว่างความเปรี้ยวและน้ำตาลมากขึ้น มีBodyที่มากกว่าคั่วอ่อน มีความหวานของCaramel น้ำตาลมากขึ้น
.
12.Vienna Roast: กาแฟคั่วกลางค่อนเข้ม เป็นระดับการคั่วที่ยอดนิยมเป็นอันมาก จะยังคงมีความเปรี้ยวของคั่วกลางอยู่บ้างและรสชาติออกไปทางหวาน(Sweetness) เป็นระดับการคั่วที่ Balance ระหว่างความเปรี้ยวและความหวานได้อย่างลงตัว ระดับการคั่วนี้เหมาะกับการชงจาก Espresso Machine
.
13.Italian Roast : กาแฟคั่วเข้ม เป็นระดับการคั่วเข้ม ระดับการคั่วนี้ได้เข้าสู่ระดับ Second Crack ทำให้เกิดการแตกตัวของน้ำมัน เมล็ดกาแฟคั่วจะมีน้ำมันบางๆ เคลือบอยู่บางๆ รสชาติเปรี้ยวได้หายไปหมดสิ้น แต่จะเริ่มมีรสชาติกาแฟขมเข้ามาแทน ระดับการคั่วนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการความเข้มของกาแฟ และ ชงกับเมนูเย็นที่มีการใส่นม เหมาะมาก
.
14.French Roast : กาแฟคั่วเข้มสุด เป็นที่นิยมมากในอดีตจนถึ งปัจจุบันก็ยังมีผู้คนจำนวนมากยังชื่นชอบระดับการคั่วนี้อยู่ ลักษณะเมล็ดกาแฟคั่วจะเป็นมีสีน้ำตาลเข้มถึงดำ มีกลิ่นหอมของกาแฟแฟที่ผสมผสานกับ Smoke ระดับการคั่วนี้จะให้ Crema เป็นจำนวนมาก ทำให้ตอนสกัดมาดูน่ารับประทานเป็นยิ่งนัก แต่มีข้อควรระวังสำคัญคือ ถ้าระดับการคั่วนี้เข้ม หรือ คั่วลึกเกินไปจะทำให้เกิดสาร acrylamide ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ
.
15.Bourbon : Bourbon เป็นกาแฟสายพันธ์หนึ่งของกาแฟอาราบิก้า ปลูกมากในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา ซึ่งกาแฟสายพันธ์ Bourbon จุดเด่นเรื่องความหวาน Taste Note จะเด่นไปทาง Caramel ,Chocolate เป็นสายพันธุ์ Bourbon จะเป็นกาแฟที่ Balance ระหว่าง ความหวาน และ ความเปรี้ยว Bourbon เป็นตระกูลย่อยของ Arabica
.
16.Typica: สายพันธ์ Typica เป็นสายพันธ์ย่อย ของ Arabica เชื่อกันว่าเป็นสายพันธุ์ดั่งเดิมของประเทศเอธิโอเปีย(Ethiopia) เป็นสายพันธุ์กาแฟที่มีรสชาติ และ กลิ่นที่หอม
.
17.Geisha : Geisha ซึ่งเป็นพันธุ์กาแฟ Arabica ที่หาได้ยากและมีค่าความชื่นชอบสูงมาก มันมีลักษณะรสชาติที่โดดเด่นและซับซ้อน มีรสชาติของดอกไม้จาสมุนไพร ลิ้นจี่สีชมพู และผลไม้รสเผ็ดเล็กน้อย มันถูกตั้งชื่อตามเมืองเกซ่าในเอธิโอเปีย ที่เป็นสถานที่ค้นพบพันธุ์กาแฟนี้ในช่วงปี 1930s แต่ตอนนี้มีการปลูกโดยหลักในประเทศปานามาและประเทศอื่นๆในอเมริกากลางและใต้อเมริกา
พืชกาแฟ Geisha มีขนาดใหญ่และมีใบแคบ และสร้างเมล็ดกาแฟที่ยาวและบางกว่าพันธุ์กาแฟอื่น ๆ เมล็ดกาแฟนี้มีกลิ่นหอมดอกไม้ รสหวานอ่อน และความเป็นกรดสดใส ที่มีรสชาติของดอกยี่หร่า ลิ้นจี่สีชมพู และผลไม้รสเผ็ดเล็กน้อย
กาแฟ Geisha ถือเป็นหนึ่งในกาแฟที่มีราคาแพงและค้นหาได้ยากที่สุดในโลก
.
18.Blue Mountain : หมายถึงพันธุ์กาแฟที่ปลูกขึ้นในเทือกเขาบลูเมาเทนท์ของจาเมกา โดยเฉพาะในตำบลเซนต์แอนดรูว์ มันเป็นชนิดของกาแฟอาราบิกาที่มีรสชาติอ่อนโยนและมีรสชาติเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมและความหวานที่ไม่ซ้ำใคร กาแฟชนิดนี้ปลูกบนที่สูงระหว่าง 3,000 ถึง 5,500 ฟุต และเก็บเกี่ยวด้วยมือและมีการดูแลตามแบบเดิมๆ อันเป็นสิ่งที่ทำให้กาแฟชนิดนี้มีมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการของคนรักกาแฟทั่วโลก
.
19.Wash process : เป็นการเตรียมกาแฟวิธีล้างหรือแช่น้ำหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ในกระบวนการนี้เนื้อเยื่อของเมล็ดกาแฟจะถูกกำจัดโดยใช้เครื่องจักรที่เรียกว่าเครื่องสีเนื้อเมล็ดกาแฟ (pulper) และเมื่อเปลือกเชอรี่ถูกกำจัดแล้ว เมล็ดกาแฟจะถูกล้างด้วยน้ำเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อที่เหลืออยู่ จากนั้น เมล็ดกาแฟจะถูกหมักเป็นเวลาประมาณ 12-48 ชั่วโมง เพื่อย่อยสลายมิวซิลาจ(mucilage)ที่เหลืออยู่ หลังจากที่เมล็ดกาแฟหมักแล้ว เมล็ดกาแฟจะถูกล้างอีกครั้งเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่เหลืออยู่ แล้วนำไปแห้งด้วยแสงอาทิตย์ การล้างด้วยวิธีล้างน้ำหรือแช่น้ำนี้ มีลักษณะที่ทำให้กาแฟมีรสชาติสดใสและเปรี้ยวเป็นพิเศษ และใช้กันอย่างแพร่หลายในภูมิภาคกลางและใต้อเมริกา และแอฟริกา
.
20.Dry Process : กระบวนการสารสกัดแบบแห้งหรือธรรมชาติ (Dry หรือ Natural process) คือวิธีการจัดการผลลูกกาแฟหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ในกระบวนการนี้ ผลเชอร์รี่จะถูกคัดแยกเอาเฉพาะผลที่สุก และตากผลกาแฟเชอรี่ทั้งผลบนโต๊ะหรือลานแห้งโดยไม่ต้องถูกแช่น้ำ เมื่อเชอร์รี่แห้งแล้ว จะทำการสีเอาเปลือกและกะลากาแฟออกให้เหลือแต่เมล็ดกาแฟดิบ Dry Processเป็นที่รู้จักกันว่าสร้างรสชาติที่หนักและมีรสชาติของผลไม้ ดอกไม้ มีความซับซ้อนของรสชาติ นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำและน้อยในการตกฝน เช่น ประเทศเอธิโอเปีย, บราซิล และเยเมน
.
21.Honey Proess : honey Process หรือ pulp process เป็นวิธีการเตรียมตากเมล็ดกาแฟที่อยู่ระหว่าง wash และ natural process โดยในกระบวนการนี้ ผลเชอร์รี่จะถูกกำจัดเปลือกด้านนอกด้วยเครื่อง pulping แต่ยังมี mucilage หรือ เมือกบางส่วนหรือทั้งหมดยังคงมีบนเมล็ดกาแฟ จากนั้นเมล็ดกาแฟจะถูกตากแห้ง โดย mucilage หรือ เมือก ที่เหลืออาจทำหน้าที่เป็นชั้นป้องกันธรรมชาติรอบตัวเมล็ดกาแฟ ปริมาณ Mucilage หรือ เมือก ที่เหลือบนเมล็ดกาแฟจะมีลักษณะแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับลักษณะรสชาติที่ต้องการ ตั้งแต่ honey สีขาวหรือเหลือง (มีMucilage หรือ เมือก น้อยที่สุด) ไปจนถึง honey สีแดง (มีMucilage หรือ เมือกเยอะขึ้น) และ honey สีดำ (เหลือMucilage หรือ เมือก เกือบทั้งหมด) กระบวนการตากของ Honey Processนี้จะใช้เวลานานหลายสัปดาห์ จากนั้นจึงเอาเมล็ดกาแฟออกจากเปลือกด้วยเครื่องสีกาแฟและคัดแยกคุณภาพ กระบวนการ honey มีลักษณะการสร้างรสชาติที่ซับซ้อน
.
22.Anaerobic Process : เป็นขบวนกาแฟหมักเมล็ดกาแฟที่ใหม่มากๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนต่ำลง หรือ ไม่ใช้ออกซิเจนในช่วงการหมัก ในกระบวนการนี้ ผลกาแฟจะถูกคัดเลือกและนำเข้าถังที่มีการซีลออกซิเจนอย่างจำกัด เมื่อนำเข้าถังแล้ว จะทิ้งไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งระหว่าง 24 ถึง 72 ชั่วโมง โดยที่ยีสบนผลกาแฟจะกินน้ำตาลในผลไม้และผลิตกรดอินทรีย์ ซึ่งทำให้กาแฟมีรสชาติที่หลากหลายและเป็นเอกลักษณ์
,
23.Specialty Coffee: คือเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง ถูกเลือกอย่างประณีตในการเก็บเกี่ยว Process และการชงเพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมที่โดดเด่น โดยเมล็ดกาแฟเหล่านี้ถูกปลูกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น บนสูงเขาสูง และถูกเก็บเกี่ยวเมื่อเจริญเต็มที่เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด สำหรับ Specialty Coffee จะปลูกในปริมาณน้อยกว่ากาแฟเกรดทั่วไปและถูกปลูกในเงื่อนไขที่เข้มงวดมากกว่าเพื่อผลิตกาแฟที่มีราคาสูงขึ้น Specialty Coffee ต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดโดยสมาคม Specialty Coffee Association หรือ SCA ซึ่งรวมถึงการได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 80 คะแนนจากการทดสอบรสชาติ อีกด้วย
.
24.Single Origin Coffee : หมายถึงกาแฟที่มาจากแหล่งปลูกกาแฟเดียวเท่านั้น ซึ่งปลูกอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้นคุณจะพบกับความแตกต่างของรสชาติและกลิ่นของกาแฟที่มาจากแต่ละภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ กาแฟ Single Origin เป็นที่นิยมในวงกว้างของคนรักกาแฟ เนื่องจากสามารถสัมผัสกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ได้
การผลิตกาแฟ Single Origin เน้นการปลูกที่ดีและการเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อสร้างคุณภาพและรสชาติที่ดีที่สุด นอกจากนี้ การรวบรวมกาแฟจากพื้นที่เดียวกันยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาชุมชนและการจัดการเกษตรที่ยั่งยืนในพื้นที่ดังกล่าว
.
25. Blend Coffee: กาแฟที่ผสมกันจากเมล็ดกาแฟจากหลายแหล่ง หรือ หลายระดับการคั่ว ที่มีลักษณะแตกต่างกัน เช่น รสชาติ กลิ่น ความเป็นAcidity และความเข้มข้น เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่สมบูรณ์แบบและมีความซับซ้อน
.
26. Espresso คือ กาแฟที่ถูกชั่งออกมาในอัตราส่วน 1:2 (ผงกาแฟ : น้ำกาแฟที่สกัดได้) และถูกดื่มเป็นเอสเพรสโซ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มกาแฟที่นิยมมากในประเทศอิตาลี และกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงระดับโลก
การชง Espresso เน้นการใช้ความดันในการทำกาแฟ เพื่อสกัดสารสกัดในเมล็ดกาแฟออกมาในปริมาณที่สูง ส่งผลให้เกิดรสชาติที่เข้มข้นและกลมกล่อม ซึ่งความดันของน้ำที่ใช้ชงอยู่ที่ 9 บาร์ สำหรับ Espresso
เรียกได้ว่า Espresso เป็นเรื่องศิลป์ในการชงกาแฟ ที่ต้องใช้เทคนิคและเครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นของกาแฟที่ดีที่สุด
.
27. Americano เป็นเครื่องดื่มกาแฟประเภทหนึ่ง โดยการเติมน้ำร้อนลงไปใน Espresso shot แล้วผสมให้เข้ากัน ส่วนใหญ่เค้าเติมน้ำร้อนลงไปใน Espresso shot ประมาณ 1:2 โดยอัตราส่วนจะขึ้นอยู่กับความเข้มของ Espresso shot และรสชาติที่ต้องการ
เริ่มต้นมาจากชาวอเมริกาที่มักจะดื่มกาแฟในสไตล์ Filter coffee แต่เมื่อเดินทางมายังยุโรปพบว่า Espresso เป็นสิ่งที่นิยม แต่ชาวอเมริกาไม่ชอบรสชาติเข้มข้นแบบ Espresso จึงได้ขอให้เติมน้ำร้อนลงไปใน Espresso เพื่อทำให้เข้ากับรสชาติที่ชอบกันมากขึ้น จากนั้นก็กลายเป็นเครื่องดื่มที่นิยมใช้งานอย่างแพร่หลายในทั่วโลก
.
28.Latte : ลาเต้ คือเครื่องดื่มกาแฟที่มีความนิยมมากในวงกว้าง ประกอบด้วยเอสเพรสโซและนมร้อน โดยมีอัตราส่วนประมาณ 1:3 คือ 1 ส่วนของEspresso shot และ 3 ส่วนของฟองนมร้อน ให้รสชาติที่กลมกล่อม ดื่มง่าย อร่อย เป็นที่นิยมไปทั่วโลก
.
29. Cappuccino : คาปูชิโน่ เป็นเครื่องดื่มกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นและกลมกล่อม ประกอบด้วยเอสเพรสโซและฟองนมร้อนปิดหน้า ในอัตราส่วน 1:1 คือ กาแฟEspresso shot 1 ส่วน และ ฟองนมร้อน 1 ส่วน ทำให้เป็นเครื่องดื่มที่อร่อยและน่าดื่มกลมกล่อมของคนที่ชื่นชอบกาแฟ
.
30.Mocha : คือเครื่องดื่มกาแฟที่ผสมระหว่างเอสเพรสโซกับช็อกโกแลต และเพิ่มนมเข้าไป ทำให้เกิดรสชาติหวานและกลิ่นช็อกโกแลตที่หอมหวาน มีหลากหลายรูปแบบ
.
31. Macchiato : กาแฟแบบหนึ่งที่ประกอบด้วย Espresso และน้ำนมร้อนเล็กน้อย โดยจะมีการเทลอยน้ำนมบนเพื่อให้เกิดชั้นครีมบนพิมพ์ Espresso ซึ่งมักจะเป็นกาแฟแบบ Single Shot หรือ Double Shot ซึ่งเป็นเมนูสำหรับคนที่ชื่นชอบรสชาติของ Espresso แต่อาจหวังจะมีรสชาติที่หวานขึ้นเล็กน้อยจากน้ำนมที่เพิ่มเข้ามาด้วย Macchato แปลเป็นภาษาไทยว่า ตราประทับ ด้วยนะครับ
.
32.Caramel Macchiato : เครื่องดื่มกาแฟประเภทหนึ่งที่ผสมระหว่าง Espresso, น้ำนมร้อน และคาราเมล Syrup ส่วนที่มีสีน้ำตาลข้างบนเป็นการเพิ่มความหวานของเครื่องดื่มด้วยการเทหรือใส่คาราเมลSyrupลงไปบนน้ำนมให้เกิดลายด้านบนของเครื่องดื่ม ถือเป็นเครื่องดื่มที่มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมอย่างมากในวงกว้างของคนรักกาแฟ ด้วยรสชาติหวานนุ่ม รสชาติกาแฟเข้ม และกลิ่นคาราเมลอ่อนๆ ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
.
33.Es Yen : เป็นเมนูกาแฟที่เป็นที่นิยมของคนไทย โดยการใช้ Espresso Shot แล้วผสมด้วยด้วยนมข้นจืด และ นมช้นหวาน เพื่อให้เกิดเมนูกาแฟที่ เข้ม ข้น หวานมัน เป็นที่ถูกใจคนส่วนมากในอากาศร้อนๆ
.
34.Brew Coffee : หมายถึงกาแฟที่ชงโดยการเอาเมล็ดกาแฟที่ป่นละเอียดลงในกระบอกชง แล้วเทน้ำร้อนเข้าไปในกระบอกชงเพื่อชงกาแฟ
.
35. Frappe : หมายถึงการปั้น หรือ เมนูปั่น
.
36. Flat White : เป็นเครื่องดื่มกาแฟที่มีที่มาจากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง Espresso กับนม steamed โดยความสำคัญของ Flat White คือความสัมพันธ์ระหว่าง Espresso และนม โดย Espresso จะเป็นส่วนประกอบหลักของเครื่องดื่ม และนม steamed จะถูกใช้ในปริมาณน้อยกว่า Cappuccino หรือ Latte รสชาติของ Flat White จะเป็นเย็นและเข้มข้นพอดี ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบรสชาติของ Espresso แต่ต้องการเครื่องดื่มที่มีความคล้ายคลึงกับกาแฟสดใหม่ ๆ
.
37.Micro Foam : หมายถึง ฟองนมที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เครื่องชงกาแฟ Espresso โดยStream หรือไอน้ำร้อนและส่วนผสมของนมเย็น ซึ่งฟองนมจะมีขนาดเล็กและเนื้อเรียบ ๆ เนื่องจากมีอัตราส่วนน้ำและนมที่ถูกต้อง ฟองนมที่ได้จะนำไปใช้เมนู Latte หรือ Cappuccino
.
38.Stream : การตีฟองนม หรือ การทำนมให้เป็นฟอง จากก้าน Stream จากเครื่องสกัด Espresso Machine
.
39.Latte Art : การวาดรูปภาพที่ใช้น้ำหนักของนมที่ผ่านการตีฟอง หรือ Stream ในการสร้างภาพลวดลายที่สวยงามบน Espresso Shot โดยลายที่เป็นที่นิยม เช่น ทิวลิป หัวใจ Rosetta เป็นต้น
.
40.Affogato : เครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วย ไอศกรีมและEspresso Shot โดยที่ไอศกรีมจะถูกหยอดลงในแก้วก่อนแล้วตามด้วยเอสเพรสโซร้อน การที่เอสเพรสโซร้อนถูกเทลงลงไปบนไอศกรีมจะทำให้ไอศกรีมละลายและเกิดรสชาติพิเศษขึ้น นี่เป็นเครื่องดื่มที่นิยมและเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการกาแฟและไอศกรีมในหลายๆ ประเทศ
.
41.Dirty : เป็นการสกัดกาแฟด้วยเครื่อง Espresso Machine ด้วยความเข้มข้นมาก หรือ สกัดออกมาแบบ Over สกัดลงมาในแก้วที่มีนมเย็นจัดรองรับอยู่ เป็นเมนูที่นิยมมากในปัจจุบัน
.
42. Slow Bar : คือการชงกาแฟแบบฝีมือโดยใช้เครื่องชงบดเมล็ดกาแฟด้วยมือหรือเครื่องชงบดกาแฟแบบมือ เช่น Drip, French Press, Syphon
.
43. Speed Bar : การเตรียมเครื่องดื่มกาแฟอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่มีลูกค้าจำนวนมากและต้องการการบริการอย่างรวดเร็ว โดยใช้เครื่องสกัดแรงดัน หรือ Espresso Machine ในการสกัดนั่นเอง
.
44.Espresso Machine : เป็นการสกัดกาแฟโดยจะใช้น้ำร้อนผ่านกาแฟเมล็ดที่บดละเอียด ด้วยการส่งความดันสูงทำให้น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟ ซึ่งน้ำกาแฟที่สกัดได้จะเรียกว่า Espresso Shot ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเมนูกาแฟต่างๆ ต่อไป
.
45.Grinder : เครื่องบดกาแฟเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบดเมล็ดกาแฟเพื่อทำเป็นผงกาแฟที่ใช้ในการชงกาแฟ มีหลายรูปแบบและขนาด และสามารถบดกาแฟได้ตามต้องการ
.
46.Extraction : การสกัดสารสกัดของกาแฟเป็นการดึงสารประกอบต่างๆ จากเมล็ดกาแฟโดยใช้น้ำร้อนหรือน้ำเย็น โดยเป้าหมายของการสกัดนั้นคือการดึงสารประกอบที่มีความหอม รสชาติ และความเข้มข้นของกาแฟออกมาให้มากที่สุด
49.Over Extraction : กระบวนการสกัดกาแฟที่มีการสกัดสารต่างๆออกมาจากเมล็ดกาแฟเกินความจำเป็น ซึ่งจะทำให้กาแฟมีรสชาติและกลิ่นไม่ดี เนื้อที่สกัดออกมาจะมีความเข้มข้นเกินไป
.
47. Under Extraction : กระบวนการชงกาแฟที่ไม่ได้สกัดสารออกมาเต็มที่จากเมล็ดกาแฟ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการใช้น้ำร้อนไม่เพียงพอหรือเวลาชงน้อยเกินไป ทำให้กาแฟที่ได้ไม่มีรสชาติและกลิ่นที่ต้องการ
.
48.Perfect Extraction : การสกัดสารออกจากเมล็ดกาแฟเพื่อสร้างรสชาติและกลิ่นที่ต้องการเพื่อสร้างกาแฟที่อร่อยและสมดุล การสกัดออกมาให้ดีที่สุดเกิดขึ้นเมื่อน้ำไหลผ่านตัวกรองกาแฟด้วยอุณหภูมิที่ถูกต้อง แรงดัน และเวลาที่เหมาะสมเพื่อละลายสารที่ต้องการในกาแฟ
.
49. Over Extraction : เกิดจากการสกัดสารกาแฟจากเมล็ดกาแฟที่มากเกินไป  สาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากการใช่น้ำที่ร้อนจนเกินไป หรือ การบดกาแฟละเอียดมากจนเกินไป ทำให้กาแฟมีรสชาติไปทาง ขม และสีเข้ม ขุ่น ไม่ได้รสชาติกาแฟอย่างที่ควรจะเป็น
.
#JoureyMan กาแฟที่ "ใช่" ในเวลาที่ "ชอบ"

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้